ดูบรอฟนิก เป็นเมืองที่อยู่ในประเทศโครเอเชีย ซึ่งเป็นเมืองที่ชื่อเสียงและโดเด่นมากๆเมืองนึงเลยนะคะ เพราะอยู่ติดกับทะเลเมอดิเตอร์เรเนียนอีกด้วยนะคะ เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากๆเลยค่ะ

ดูบรอฟนิก (The Large Fountain of Onofrio and St. Saviour Church)

ดูบรอฟนิก

นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่สถาปัตยกรรมโดเด่นด้วยนะคะ และยังเป้นเมืองที่เป็นศุนย์กลางมีประชากรมากกว่า 4 หมื่นคนเลยล่ะค่ะ เมืองนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18-19 ซึ่งมีความเก่าแก่มากๆอีกเมืองนึงเลยค่ะ

ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นชื่อเหมือนในปัจจุบัย ในสมัยก่อนเมืองนี้มีชื่อว่า ลากูซ่า ซึ่งคาดว่าสร้างขึ้นมาตั้งแต่ก่อนศตวรรษที่ 10 อีกนะคะ ซึ่งเมืองนี้ถูกบันทึกเป็นครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่ 12 และแพร่หลายเป็นอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 16 นั่นเองค่ะ

ภาษาที่เป็นภาษาราชการของเมืองนี้มีมากถึง 1472 ในสมัยก่อนเลยนะคะ ซึ่งเป็นเพราะว่ามีการอพยพและมีการย้ายถิ่นฐานกันแบบร้อยพ่อพันแม่ เลยทำให้มีภาษาเยอะนั่นเองค่ะ

แต่ประชารของเค้าส่วนใหญ่ก็ยังเป็นคนประเทศดครเอเชียนะคะ ซึ่งภาษาท้องถิ่นโดยทั่วไปเค้าจะใช้ภาษา สลาฟนั่นเองค่ะ ซึ่งในตอนนี้ก้มีการออกมารณรงค์ให้เลิกใช้ภาของคนสลาฟในสภาอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้เค้ายังได้รับอิธิพลมาจากประเทศอิตาลีด้วยนะคะซึ่งได้รับอิธิพลภาษา เวเนเตียนและทัสคานี โดยชาวอิตาลีแต่เดิมนั่นเองค่ะ เพราะพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ในสมัยนั้นมักจะพูดภาษาดัลเมเชี่ยน ซึ่งเป็นผลมาจากพวกหมู่คนชาวเวนิสนั่นเองค่ะ

เรามาดูเรื่องการปกครองของเค้าในช่วงปี 1815 กันดีกว่าค่ะซึ่งในสมัยนั้นการบริหารงานระบบราชการก่อตั้งในอาณาจักรดันไม่เชียร์ซึ่งเป็นสถาบันทางการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโครเอเชียเลยล่ะค่ะ

ดูบรอฟนิก

ซึ่งสถานที่นี้ตั้งอยู่ในเมืองซานด้าและเป็นพรรคการเมืองออโต้โนมาสพวกเขาจะปรับเปลี่ยนแผนงานต่างๆและตั้งจัยค่อยค่อยรวบรวมโครงสร้างราชการอย่างเช่นภาษีศาสนาและเรื่องการศึกษาการค้าส่วนใหญ่แล้วมีเจตนาต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจและลดความเสียหายต่อส่วนบุคคลและเรื่องการเมืองก่อนที่จะมีการเอาชนะสงครามนโปเลียนนั่นเองค่ะ

ในช่วงปี 1815 รัฐบาลโดยววนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาได้เริ่มมีการใช้มาตรการสถาปนาสถาปนาสาธารณรัฐขึ้นใหม่แต่มันก็ยังไร้ประโยชน์นะคะเพราะว่าหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการล่มสลายของสาธารณรัฐโดยขุนนางส่วนใหญ่ยอมรับจากจักรวรรดิออสเตรเลียนั่นเอง

สภาพพูมิอากาศของเมืองนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกึ่งร้อนชื้นนั่นเองค่ะเพราะว่ามันอยู่ใกล้กับเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งจำแนกสภาพอากาศเนื่องจากมีเพียงเดือนเดียวที่มีฤดูร้อนและมีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่า 40 มิลลิเมตร

ซึ่งทำให้ไม่สามารถจัดการประเภทกึ่งเขตร้อนชื้นได้นอกจากนี้ในบางฤดูยังมีอากาศแห้งเล็กน้อยและมีอากาศเย็นแต่ส่วนใหญ่จะมีลมพัดตลอดทั้งปีถ้าจะไปเที่ยวแอดมินแนะนำให้ไปเที่ยวช่วงเดือนกรกฎาคม

และเดือนสิงหาคมพจะเป็นอุณหภูมิอีกำลังดีแต่ช่วงกลางคืนอุณหภูมิจะลดลงอีกนะคะ ส่วนตอนกลางวันก็จะหมอดูใบไม้ร่วงนั่นแหละค่ะอุณหภูมิก็จะอยู่ประมาณ 20 องศาเซลเซียสกำลังดีเลยล่ะค่ะไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

สถานที่ท่องเที่ยว คลิก Walls of Jerusalem

โดย แทงบอลออนไลน์

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =