วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดตั้งอยู่ในตำบลวัดกัลยาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี วัดนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2368 โดยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ เศรษฐีชาวไทยเชื้อสายจีน ผู้บริจาควัดให้รัชกาลที่ 3 เจ้าพระยานิกรบดินทร์เป็นบรรพบุรุษของตระกูลกัลยาณมิตรซึ่งมีลูกหลาน

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร (Wat Kanlayanamit)

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

วัดกัลยาณมิตรก่อตั้งโดยขุนนางคนสำคัญเจ้าพระยานิกรบดินทร์ (หรือที่รู้จักกันในนามโตบรรพบุรุษของตระกูลกัลยาณมิตร) ซึ่งรับราชการในรัชกาลที่ 4 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าพระยานิกรบดินทร์ได้บริจาคบ้านของตนเองรวมทั้งที่ดิน

และซื้อที่ดินเพิ่มเติมในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเดิมเรียกว่ากุฎีจีน (ที่อยู่อาศัยของพระภิกษุจีน) หมู่บ้านที่ใช้รองรับพระจีนสร้าง พ.ศ. 2368 วัดนี้ได้รับการสถาปนาให้เป็นวัดหลวงซึ่ง

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯให้ชื่อว่าวัดกัลยาณมิตร (แปลว่ามิตรแท้) เนื่องมาจากพระมหากษัตริย์และขุนนางสายสัมพันธ์ใกล้ชิด

ธิดาเจ้าพระยานิกรบดินทร์คนหนึ่งเป็นพระสนมของพระราชา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงสร้างพระวิหารหลวง (ศาลาการเปรียญ) สำหรับพระวิหาร

วัดกัลยาณมิตรเป็นที่ตั้งของพระพุทธไตรรัตนนครนายกหรือที่เรียกกันในหมู่ชาวจีนว่าซำปอกงหรือซำปอฮุดกงและเป็นที่นับถือของชาวจีน

เป็นวัดเดียวในประเทศไทยที่มีพระประธานองค์หนึ่งนั่งอยู่บนก้อนหินโดยให้มือซ้ายเข่าซ้ายคว่ำลงและพระหัตถ์ขวาบนเข่าขวาหงายขึ้น มีจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าถึงเรื่องราวชีวิตของพระพุทธเจ้าและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยรัชกาลที่ 3

ในการนมัสการพระพุทธปฏิมาไตรรัตนตรัยหรือซำปอคงต้องใช้ธูป 3 ดอกเทียนแดง 1 คู่และพวงมาลัยดอกไม้ เชื่อกันว่าการได้สักการะพระพุทธรูปองค์นี้จะทำให้ผู้คนมีมิตรภาพที่ดีและเดินทางปลอดภัย

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

ในหัวข้อมิตรแท้หรือมิตรแท้พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนเราไม่ควรอยู่โดยไม่มีเพื่อนร่วมทาง คนเราควรมีธรรมะเป็นมิตรแท้ หากคำสอนที่ถูกต้องเหล่านี้เป็นเพื่อนของคน ๆ หนึ่งคน ๆ หนึ่งจะมีมิตรภาพที่ดีที่สุดตราบเท่าที่เขา / เธอจะมีชีวิตอยู่

นอกจากพระพุทธรูปสามโปกงแล้วยังมีหอพระธรรมมณเฑียรถลางที่เก็บพระไตรปิฎกสมัยรัชกาลที่ 4 ด้านหน้าวิหารหลวงเป็นหอระฆังที่สร้างขึ้นใหม่ซึ่งเป็นที่เก็บระฆังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
วัดกัลยาณมิตรตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีใต้สุดของคลองบางกอกใหญ่แขวงกัลยาณมิตรเขตธนบุรีกรุงเทพมหานคร ขึ้นรถประจำทางสาย. 40, 57, 149 และ 177 โดยเรือ: โดยสารเรือเฟอร์รี่จากท่าเรือปากคลองตลาดไปยังท่าเรือกัลยา


วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารวัดกัลยมิตรวรมหาวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรมหาวิหาร พ.ศ. 2378 (พ.ศ. 2368) เมื่อได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยารัศมิ์วดี (อธิบดีกรมพระสุรัสวดีกลาง) เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โตกัลยาณมิตร)

บุตรของพระพิชัยวารี (แม่แสะอึม) ไม่เพียง แต่บริจาคของ บ้านของตัวเองรวมทั้งที่ดิน แต่ยังซื้อที่ดินเพิ่มเติมในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเดิมชื่อหมู่บ้านกุฎีจีนเพื่อสร้างวัด ในสมัยรัชกาลที่ 3 และเจ้าพระยานิกรบดินทร์ได้ถวายวัดเพื่อกำหนดให้เป็นพระอารามหลวง รัชกาลที่ 3

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งชื่อวัดว่าวัดกัลยาณมิตร ในเวลาเดียวกันรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯให้สร้างวิหารหลวง (หอสักการะ) เพื่อประดิษฐานพระประธานที่ทำด้วยปูนปลาสเตอร์ ภาพนี้อยู่ในท่ามาร (อสูร) ที่ปราบมารมีความกว้าง 11.75 เมตรสูง 15.45 เมตร

คนมักเรียกรูปนี้ว่าพระโต ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้ตั้งชื่อว่าพระพุทธไตรรัตนโยค ภาพนี้เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วสารทิศโดยเฉพาะคนจีนเรียกมันว่าซำป้อฮุดกงหรือซำป้อกง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4

ยังโปรดเกล้าฯให้สร้างหอพระธรรมมณเฑียรถลางพระเกียรติ (หอสมุดแห่งชาติ) สำหรับวัดในปี พ.ศ. 2408 (พ.ศ. 2408) เพื่อเก็บรักษาภาษาบาลี (คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า) และพระไตรปิฎกทั้งหมดของวัด

ใต้ถุนพระอุโบสถ (ศาลาอุปสมบท) เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าพระยานิกรบดินทร์ พระอุโบสถก่อด้วยอิฐแบบสถาปัตยกรรมจีนไม่มีขอบหลังคา ภายในพระอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวชีวิตของพระพุทธเจ้า ยังมีชุดเครื่องสังเวยในรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย – จีน กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนวัดเป็นโบราณสถานแห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2492 (พ.ศ. 2492)

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

สนใจเที่ยววัดทำบุญ คลิก วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

โดย เสือมังกร

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =